ดื่มกาแฟให้ดีต่อสุขภาพ ต้องรู้สิ่งนี้!
กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีผู้ดื่มทั่วโลก ด้วยกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากจะช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและเพิ่มพลังงานแล้ว กาแฟยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ส่งผลดีต่อสมอง หัวใจ และระบบเผาผลาญ อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของกาแฟขึ้นอยู่กับปริมาณและวิธีการดื่ม หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น เบาหวานประเภท 2 และโรคพาร์กินสัน แต่หากดื่มมากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ใจสั่น ความดันโลหิตสูง และปัญหาการนอนหลับ
การเลือกเวลาดื่มกาแฟอย่างเหมาะสมและการลดการเติมน้ำตาลหรือครีมเทียม จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกาแฟ ในบทความนี้ เราจะมาดูรายละเอียดของข้อดี วิธีดื่มที่ถูกต้อง และช่วงเวลาที่เหมาะสม
ประโยชน์ของกาแฟ
- ช่วยให้ตื่นตัวและเพิ่มสมาธิ – คาเฟอีนในกาแฟช่วยกระตุ้นระบบประสาทกลาง ลดความง่วง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ – กาแฟเป็นแหล่งของสารโพลีฟีนอล ช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
- ลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด – งานวิจัยพบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟในปริมาณเหมาะสม มีความเสี่ยงต่ำลงของโรคเบาหวานประเภท 2 โรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยเผาผลาญไขมัน – คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและตับ – กาแฟในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็ง และอาจช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด
ผลของระดับการคั่วของกาแฟ (คั่วเข้ม vs คั่วอ่อน)
ระดับการคั่วของกาแฟมีผลต่อรสชาติ ปริมาณคาเฟอีน และสารอาหารในกาแฟ โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น คั่วอ่อน (Light Roast) และ คั่วเข้ม (Dark Roast) ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
🔥 กาแฟคั่วอ่อน (Light Roast)
🔹 รสชาติ: มีความเปรี้ยวสดชื่น (Acidity) และมีกลิ่นหอมของผลไม้ ดอกไม้ หรือถั่ว ขึ้นอยู่กับแหล่งปลูก
🔹 ปริมาณคาเฟอีน: สูงกว่ากาแฟคั่วเข้ม เพราะการคั่วใช้เวลาน้อย ทำให้คาเฟอีนยังคงอยู่มากกว่า
🔹 สารอาหาร: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Chlorogenic Acid) ซึ่งช่วยลดการอักเสบและเสริมสุขภาพ
🔹 ลักษณะเมล็ด: สีอ่อน มีผิวแห้ง ไม่มัน เนื่องจากน้ำมันยังไม่ถูกดึงออกมา
✅ เหมาะกับ:
✔ คนที่ชอบรสชาติกาแฟที่มีมิติ เปรี้ยวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
✔ ผู้ที่ต้องการคาเฟอีนสูง
✔ นิยมใช้กับวิธีชงแบบ Drip, Pour Over, AeroPress หรือ French Press
🔥 กาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast)
🔹 รสชาติ: ขมเข้ม มีโน้ตของช็อกโกแลต คาราเมล หรือถั่ว บางครั้งอาจมีรสควันจากการคั่ว
🔹 ปริมาณคาเฟอีน: ต่ำกว่ากาแฟคั่วอ่อนเล็กน้อย เนื่องจากคาเฟอีนบางส่วนถูกทำลายในกระบวนการคั่ว
🔹 สารอาหาร: ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
🔹 ลักษณะเมล็ด: สีเข้ม ผิวมัน เนื่องจากน้ำมันจากเมล็ดถูกดึงออกมามากขึ้น
✅ เหมาะกับ:
✔ คนที่ชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ขมนุ่ม และไม่เปรี้ยว
✔ ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ หรือต้องการผสมกับนม เช่น ลาเต้ คาปูชิโน่
✔ นิยมใช้กับวิธีชงแบบ Espresso, Moka Pot, Cold Brew หรือ French Press
วิธีดื่มกาแฟที่ถูกต้อง
- ดื่มในปริมาณที่เหมาะสม – ไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมของคาเฟอีนต่อวัน (ประมาณ 3-4 แก้วของกาแฟทั่วไป)
- หลีกเลี่ยงน้ำตาลและครีมเทียม – เพื่อป้องกันโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่นๆ
- เลือกกาแฟที่มีคุณภาพ – หลีกเลี่ยงกาแฟที่มีสารปนเปื้อน หรือใช้เมล็ดกาแฟออร์แกนิก
- ไม่ดื่มขณะท้องว่าง – อาจทำให้กรดในกระเพาะเพิ่มขึ้นและระคายเคืองกระเพาะอาหาร
เวลาที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟ
- ช่วงเช้าหลังอาหาร (09.30-11.00 น.)
เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มลดการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้คาเฟอีนออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด - ช่วงบ่าย (13.00-15.00 น.)
ช่วยลดอาการง่วงกลางวันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน - หลีกเลี่ยงหลัง 16.00 น.
อาจส่งผลต่อการนอนหลับ
สรุป กาแฟมีประโยชน์หากดื่มอย่างเหมาะสม โดยช่วยให้ตื่นตัว เพิ่มสมาธิ ลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด และช่วยเผาผลาญไขมัน อย่างไรก็ตาม การดื่มมากเกินไปหรือดื่มผิดเวลา อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น นอนไม่หลับหรือความดันโลหิตสูง การเลือกดื่มกาแฟให้ถูกวิธี เช่น หลีกเลี่ยงน้ำตาล ดื่มหลังอาหาร และไม่ดื่มในช่วงเย็น จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเครื่องดื่มยอดนิยมนี้
0 ความคิดเห็น