ดื่มกาแฟให้ดีต่อสุขภาพ ต้องรู้สิ่งนี้!

Coffee

กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีผู้ดื่มทั่วโลก ด้วยกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากจะช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและเพิ่มพลังงานแล้ว กาแฟยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 

ส่งผลดีต่อสมอง หัวใจ และระบบเผาผลาญ อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของกาแฟขึ้นอยู่กับปริมาณและวิธีการดื่ม หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น เบาหวานประเภท 2 และโรคพาร์กินสัน แต่หากดื่มมากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ใจสั่น ความดันโลหิตสูง และปัญหาการนอนหลับ 

การเลือกเวลาดื่มกาแฟอย่างเหมาะสมและการลดการเติมน้ำตาลหรือครีมเทียม จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกาแฟ ในบทความนี้ เราจะมาดูรายละเอียดของข้อดี วิธีดื่มที่ถูกต้อง และช่วงเวลาที่เหมาะสม  


ประโยชน์ของกาแฟ  

  1. ช่วยให้ตื่นตัวและเพิ่มสมาธิ – คาเฟอีนในกาแฟช่วยกระตุ้นระบบประสาทกลาง ลดความง่วง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน  
  2. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ – กาแฟเป็นแหล่งของสารโพลีฟีนอล ช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง  
  3. ลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด – งานวิจัยพบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟในปริมาณเหมาะสม มีความเสี่ยงต่ำลงของโรคเบาหวานประเภท 2 โรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์  
  4. ช่วยเผาผลาญไขมัน – คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก  
  5. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและตับ – กาแฟในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็ง และอาจช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด  

ผลของระดับการคั่วของกาแฟ (คั่วเข้ม vs คั่วอ่อน)

ระดับการคั่วของกาแฟมีผลต่อรสชาติ ปริมาณคาเฟอีน และสารอาหารในกาแฟ โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น คั่วอ่อน (Light Roast) และ คั่วเข้ม (Dark Roast) ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

🔥 กาแฟคั่วอ่อน (Light Roast)
🔹 รสชาติ: มีความเปรี้ยวสดชื่น (Acidity) และมีกลิ่นหอมของผลไม้ ดอกไม้ หรือถั่ว ขึ้นอยู่กับแหล่งปลูก
🔹 ปริมาณคาเฟอีน: สูงกว่ากาแฟคั่วเข้ม เพราะการคั่วใช้เวลาน้อย ทำให้คาเฟอีนยังคงอยู่มากกว่า
🔹 สารอาหาร: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Chlorogenic Acid) ซึ่งช่วยลดการอักเสบและเสริมสุขภาพ
🔹 ลักษณะเมล็ด: สีอ่อน มีผิวแห้ง ไม่มัน เนื่องจากน้ำมันยังไม่ถูกดึงออกมา

✅ เหมาะกับ:
✔ คนที่ชอบรสชาติกาแฟที่มีมิติ เปรี้ยวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
✔ ผู้ที่ต้องการคาเฟอีนสูง
✔ นิยมใช้กับวิธีชงแบบ Drip, Pour Over, AeroPress หรือ French Press

🔥 กาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast)
🔹 รสชาติ: ขมเข้ม มีโน้ตของช็อกโกแลต คาราเมล หรือถั่ว บางครั้งอาจมีรสควันจากการคั่ว
🔹 ปริมาณคาเฟอีน: ต่ำกว่ากาแฟคั่วอ่อนเล็กน้อย เนื่องจากคาเฟอีนบางส่วนถูกทำลายในกระบวนการคั่ว
🔹 สารอาหาร: ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
🔹 ลักษณะเมล็ด: สีเข้ม ผิวมัน เนื่องจากน้ำมันจากเมล็ดถูกดึงออกมามากขึ้น

✅ เหมาะกับ:
✔ คนที่ชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ขมนุ่ม และไม่เปรี้ยว
✔ ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ หรือต้องการผสมกับนม เช่น ลาเต้ คาปูชิโน่
✔ นิยมใช้กับวิธีชงแบบ Espresso, Moka Pot, Cold Brew หรือ French Press

วิธีดื่มกาแฟที่ถูกต้อง  

  • ดื่มในปริมาณที่เหมาะสม – ไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมของคาเฟอีนต่อวัน (ประมาณ 3-4 แก้วของกาแฟทั่วไป)  
  • หลีกเลี่ยงน้ำตาลและครีมเทียม – เพื่อป้องกันโรคอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่นๆ  
  • เลือกกาแฟที่มีคุณภาพ – หลีกเลี่ยงกาแฟที่มีสารปนเปื้อน หรือใช้เมล็ดกาแฟออร์แกนิก  
  • ไม่ดื่มขณะท้องว่าง – อาจทำให้กรดในกระเพาะเพิ่มขึ้นและระคายเคืองกระเพาะอาหาร  

เวลาที่เหมาะสมในการดื่มกาแฟ  

  • ช่วงเช้าหลังอาหาร (09.30-11.00 น.)
    เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มลดการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้คาเฟอีนออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด  

  • ช่วงบ่าย (13.00-15.00 น.)
    ช่วยลดอาการง่วงกลางวันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน  

  • หลีกเลี่ยงหลัง 16.00 น.
    อาจส่งผลต่อการนอนหลับ  

สรุป  กาแฟมีประโยชน์หากดื่มอย่างเหมาะสม โดยช่วยให้ตื่นตัว เพิ่มสมาธิ ลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด และช่วยเผาผลาญไขมัน อย่างไรก็ตาม การดื่มมากเกินไปหรือดื่มผิดเวลา อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น นอนไม่หลับหรือความดันโลหิตสูง การเลือกดื่มกาแฟให้ถูกวิธี เช่น หลีกเลี่ยงน้ำตาล ดื่มหลังอาหาร และไม่ดื่มในช่วงเย็น จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเครื่องดื่มยอดนิยมนี้

0 ความคิดเห็น