รากฟันเทียม

Dental Implant

สุขภาพช่องปาก เป็นส่วนสำคัญของสุขภาพโดยรวมที่ไม่ควรมองข้าม การมีฟันและเหงือกที่แข็งแรงไม่เพียงช่วยให้เราสามารถรับประทานอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองและคุณภาพชีวิตโดยรวม 

การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีประกอบด้วยการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ การใช้ไหมขัดฟัน และการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการดูแลที่ดี บางครั้งเราก็อาจประสบปัญหาการสูญเสียฟันจากอุบัติเหตุ โรคเหงือก หรือปัจจัยอื่น ๆ ในกรณีเช่นนี้ การทำรากฟันเทียมเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยฟื้นฟูการทำงานและความสวยงามของฟันได้

รากฟันเทียมคืออะไร

รากฟันเทียม (Dental Implant) คืออุปกรณ์ที่ใช้ทดแทนรากฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป โดยทั่วไปทำจากวัสดุไทเทเนียมซึ่งเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี รากฟันเทียมมีลักษณะคล้ายสกรูที่ฝังลงในกระดูกขากรรไกรบริเวณที่ฟันหายไป เพื่อรองรับฟันปลอม ครอบฟัน หรือสะพานฟันที่ติดตั้งอยู่ด้านบน การทำรากฟันเทียมช่วยให้ฟันปลอมมีความมั่นคงและสามารถรองรับแรงบดเคี้ยวได้เช่นเดียวกับฟันธรรมชาติ 

ประเภทของรากฟันเทียม

รากฟันเทียมสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามวิธีการฝังและการใช้งาน ดังนี้:
  • รากฟันเทียมแบบฝังในกระดูก (Endosteal Implants)
    เป็นประเภทที่พบมากที่สุด โดยฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกรโดยตรง เมื่อกระดูกและรากฟันเทียมผสานกันแล้ว จะติดตั้งฟันปลอมหรือครอบฟันบนรากฟันเทียม

  • รากฟันเทียมแบบฝังบนกระดูก (Subperiosteal Implants)
    ใช้ในกรณีที่กระดูกขากรรไกรไม่เพียงพอสำหรับการฝังรากฟันเทียมแบบแรก โดยรากฟันเทียมจะถูกวางบนกระดูกขากรรไกรใต้เนื้อเยื่อเหงือก และยึดติดกับฟันปลอมหรือครอบฟัน

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

การทำรากฟันเทียมประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:
  • การประเมินและวางแผนการรักษา
    ทันตแพทย์จะตรวจสภาพช่องปากและกระดูกขากรรไกรของผู้ป่วย รวมถึงการถ่ายภาพเอ็กซเรย์หรือ CT Scan เพื่อประเมินความเหมาะสมในการฝังรากฟันเทียม

  • การฝังรากฟันเทียม
    ทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดเล็กเพื่อฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร หลังจากนั้นจะรอให้กระดูกและรากฟันเทียมผสานกัน ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 2-4 เดือน

  • การติดตั้งฟันปลอมหรือครอบฟัน
    เมื่อรากฟันเทียมผสานกับกระดูกเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะติดตั้งฟันปลอมหรือครอบฟันบนรากฟันเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้งานฟันได้ตามปกติ

ข้อดีของรากฟันเทียม

  • ความมั่นคงและทนทาน: รากฟันเทียมมีความแข็งแรงและสามารถรองรับแรงบดเคี้ยวได้เช่นเดียวกับฟันธรรมชาติ
  • รักษาโครงสร้างกระดูกขากรรไกร: การฝังรากฟันเทียมช่วยป้องกันการสลายตัวของกระดูกขากรรไกรที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไม่มีรากฟันธรรมชาติ
  • ความสวยงาม: ฟันปลอมหรือครอบฟันที่ติดตั้งบนรากฟันเทียมมีลักษณะใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทำให้รอยยิ้มดูเป็นธรรมชาติ

ข้อเสียของรากฟันเทียม

  • ค่าใช้จ่ายสูง: การทำรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
  • ระยะเวลาการรักษานาน: กระบวนการฝังรากฟันเทียมและการผสานกับกระดูกขากรรไกรอาจใช้เวลาหลายเดือน
  • ความเสี่ยงในการผ่าตัด: แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่ำ แต่การผ่าตัดฝังรากฟันเทียมยังคงมีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ หรือการบาดเจ็บของเส้นประสาท


บทสรุป รากฟันเทียมคืออุปกรณ์ที่ใช้ทดแทนรากฟันธรรมชาติ โดยฝังไทเทเนียมลงในกระดูกขากรรไกรเพื่อรองรับฟันปลอมหรือครอบฟัน มีข้อดีคือความแข็งแรง ทนทาน และช่วยรักษากระดูกขากรรไกร แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลารักษานาน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณหลักแสนบาทต่อซี่ ขึ้นกับวัสดุที่ใช้ ยี่ห้อ และสถานพยาบาล การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีช่วยยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียมและลดความเสี่ยงของปัญหาฟันในอนาคต

0 ความคิดเห็น