ถูกสุนัขกัด ต้องทำอย่างไร

Dog bite

การถูกสุนัขกัดเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นจากสุนัขจรจัดหรือสุนัขเลี้ยง หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ 

ตัวอย่างเช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย โรคพิษสุนัขบ้า หรือบาดแผลอักเสบ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกต้องและทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน 

นอกจากนี้ การสังเกตอาการของตนเองและสุนัขที่กัด รวมถึงการเข้ารับการรักษาทางการแพทย์เมื่อจำเป็น จะช่วยให้ปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น ผู้ที่ถูกสุนัขกัดหรือมีโอกาสเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้ควรมีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการปฐมพยาบาล และข้อควรระวังที่จำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบที่ร้ายแรง 

บทความนี้จะอธิบายถึงสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกหลังถูกสุนัขกัด พร้อมคำแนะนำด้านการรักษาและป้องกันอย่างละเอียด  
  

สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกหากถูกสุนัขกัด  

1. ตั้งสติและประเมินสถานการณ์  
  • พยายามควบคุมสติและอย่าตื่นตกใจ เพราะความเครียดอาจทำให้การตัดสินใจผิดพลาด  
  • ตรวจสอบว่าสุนัขที่กัดยังอยู่ในบริเวณนั้นหรือไม่ หากมีแนวโน้มว่าสุนัขอาจกัดซ้ำ ให้ถอยห่างอย่างระมัดระวัง  
  • พิจารณาว่าสุนัขมีเจ้าของหรือเป็นสุนัขจรจัด เพราะจะส่งผลต่อแนวทางการรักษาและการเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้า  

2. ล้างแผลให้สะอาดทันที  
  • ใช้น้ำสะอาดและสบู่ล้างแผลทันทีอย่างน้อย 10-15 นาที เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ  
  • หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์โดยตรง เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อระคายเคืองและหายช้าลง  
  • กรณีมีเลือดออก ให้กดแผลเบา ๆ ด้วยผ้าสะอาดเพื่อช่วยหยุดเลือด  

3. ฆ่าเชื้อและปิดแผล  
  • ใช้ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดนไอโอดีน (Povidone-Iodine) หรือเบตาดีน ทาบริเวณแผล  
  • หากแผลเล็กและไม่ลึก สามารถปล่อยให้แผลแห้งได้โดยไม่ต้องปิด แต่ถ้าแผลลึก ควรใช้ผ้าก๊อซปิดเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก  

4. ประเมินระดับความรุนแรงของแผล  

แผลจากการถูกสุนัขกัดมี 3 ระดับ ได้แก่:  
  • ระดับ 1 – ไม่มีรอยฟันหรือรอยข่วนผิวหนังไม่เปิด  
  • ระดับ 2 – มีรอยข่วนหรือฟันจม แต่ไม่มีเลือดออกมาก  
  • ระดับ 3 – มีแผลลึก เลือดออกมาก หรือถูกกัดบริเวณใบหน้า มือ ขา หรือใกล้เส้นประสาท  
หากเป็นแผลระดับ 2 หรือ 3 ควรไปพบแพทย์ทันที  

 5. เข้ารับการรักษาทางการแพทย์  
  • หากถูกสุนัขกัดแรง ๆ หรือมีแผลฉีกขาด ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจและพิจารณาการเย็บแผล  
  • ขอคำปรึกษาเรื่องวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยัก  
  • หากมีอาการบวมแดง หนอง หรือมีไข้หลังถูกกัด ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว  

 6. สังเกตอาการของสุนัข  
  • หากเป็นสุนัขเลี้ยง ให้สอบถามเจ้าของว่าสุนัขได้รับวัคซีนพิษสุนัขบ้าครบหรือไม่  
  • หากเป็นสุนัขจรจัดหรือไม่สามารถติดตามได้ ควรเข้ารับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าตามคำแนะนำของแพทย์  

 7. รับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยัก  
  • กรณีต้องฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า: ถ้าสุนัขไม่ได้รับวัคซีนหรือไม่สามารถตรวจสอบได้ ควรเริ่มรับวัคซีนทันที โดยจะต้องฉีด 4-5 เข็ม ตามแนวทางของแพทย์  
  • วัคซีนบาดทะยัก: หากไม่ได้รับวัคซีนภายใน 5-10 ปีที่ผ่านมา ควรเข้ารับวัคซีนกระตุ้น  

 8. ดูแลแผลอย่างต่อเนื่อง  
  • เปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกวันและล้างแผลให้สะอาด  
  • หลีกเลี่ยงการเกาบริเวณแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ  
  • หากแผลบวมแดงหรือมีหนอง ให้ไปพบแพทย์โดยด่วน  

ข้อควรระวัง  
  • อย่าเพิกเฉยต่อบาดแผล แม้ว่าจะเป็นแผลเล็ก เพราะเชื้อพิษสุนัขบ้าและแบคทีเรียอาจเข้าสู่ร่างกายได้  
  • ห้ามใช้สมุนไพรหรือยาหม้อโบราณ ทาแผลแทนการล้างด้วยน้ำสะอาด เพราะอาจทำให้ติดเชื้อมากขึ้น  
  • อย่าพยายามไล่หรือทำร้ายสุนัขหลังถูกกัด เพราะอาจถูกกัดซ้ำ หรือทำให้สุนัขมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น  
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำลายสุนัขเพิ่มเติม โดยเฉพาะหากมีแผลเปิดบนร่างกาย  
  • หากมีอาการผิดปกติหลังถูกกัด เช่น มีไข้ คลื่นไส้ หรือปวดแผลรุนแรง ให้รีบพบแพทย์  

บทสรุป  เมื่อถูกสุนัขกัด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการล้างแผลให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ และเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด หากแผลมีความรุนแรงหรือไม่สามารถติดตามสุนัขได้ ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยัก การรู้วิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้องสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

#หน้าร้อน #โรคหน้าร้อน #โรคพิษสุนัขบ้า

0 ความคิดเห็น